การผ่าตัดอัณฑะออกโดยไม่ทำช่องคลอด ที่โรงพยาบาล WIH International

ที่โรงพยาบาล WIH International กรุงเทพฯ ภายใต้การดูแลของ นพ. เชฏฐสัก ตุลยพานิช เราให้บริการหัตถการศัลยกรรมเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender-Affirming Surgery) ที่ครอบคลุมและปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล

แม้ว่าหญิงข้ามเพศจำนวนมากจะเลือกการผ่าตัดเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศแบบครบวงจร (Gender-Affirming Surgery: GAS) ซึ่งรวมถึงการสร้างช่องคลอด (Vaginoplasty) แต่ก็มีอีกหลายท่านที่เลือกทำเฉพาะการผ่าตัดอัณฑะออก (Orchidectomy) โดยไม่ทำช่องคลอด

หัตถการนี้ได้รับการรับรองตามมาตรฐานการดูแลของ WPATH (Standards of Care: SOC-8) ว่าเป็นวิธีการรักษาด้วยศัลยกรรมเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศที่ถูกต้องเหมาะสม สำหรับผู้ป่วยบางราย การทำออร์คิดเดกโตมีถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ ขณะที่ในผู้ป่วยอีกกลุ่มหนึ่ง การผ่าตัดนี้เป็นขั้นตอนชั่วคราวก่อนการทำแปลงเพศสมบูรณ์ (Vaginoplasty) ในอนาคต

เหตุผลที่ผู้ป่วยเลือกการผ่าตัดอัณฑะออกโดยไม่ทำช่องคลอด

ผู้ป่วยมักจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการผ่าตัดในระยะยาว

1. ผู้ที่มีแผนทำการผ่าตัดแปลงเพศสมบูรณ์ (Vaginoplasty) ในเร็ว ๆ นี้

  • ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความตั้งใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศแบบครบวงจรในอนาคตอันใกล้

  • เลือกทำออร์คิดเดกโตมีก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการใช้ยาต้านแอนโดรเจน (Androgen Blockers) ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบของตับ หรือความเสี่ยงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

  • เมื่อเอาอัณฑะออกแล้ว ระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (ประมาณ 95%) ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาต้านแอนโดรเจนในระยะยาวอีกต่อไป

2. ผู้ที่ยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจน แต่คาดว่าจะทำการผ่าตัดแปลงเพศในอนาคต

  • ผู้ป่วยบางรายมีอายุน้อย หรือยังไม่ตัดสินใจเรื่องเวลาที่แน่นอนในการทำ Vaginoplasty

  • จึงเลือกทำออร์คิดเดกโตมีก่อน เพื่อลดภาวะ Gender Dysphoria หรือเพื่อทำให้การรักษาด้วยฮอร์โมนง่ายขึ้น

  • อย่างไรก็ตาม หากการทำ Vaginoplasty ล่าช้าเกินกว่า 1–2 ปี ผิวหนังถุงอัณฑะอาจหดตัว ส่งผลให้ไม่สามารถใช้เป็นเนื้อเยื่อสร้างช่องคลอดได้ และอาจต้องใช้วิธีการที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การทำ Colon Vaginoplasty หรือ Peritoneal Vaginoplasty (PPV)

3. ผู้ที่ไม่ต้องการทำการผ่าตัดอวัยวะเพศเพิ่มเติม

  • ผู้ป่วยหญิงข้ามเพศบางรายยอมรับการคงอยู่ขององคชาต แต่ต้องการเอาอัณฑะออกถาวร

  • สำหรับกลุ่มนี้ การทำออร์คิดเดกโตมีเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบรรเทาภาวะ Gender Dysphoria และถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ

  • แนวทางนี้สอดคล้องกับมาตรฐานการดูแล WPATH SOC-8 ที่รับรองว่าเป็นการรักษาที่เหมาะสมทางการแพทย์

ข้อควรพิจารณาสำคัญ

การผ่าตัดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้

  • เมื่อทำการผ่าตัดออร์คิดเดกโตมีแล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับได้

การสูญเสียความสามารถในการเจริญพันธุ์อย่างถาวร

  • ผู้ป่วยจะไม่สามารถสร้างอสุจิหรือมีบุตรทางสายเลือดได้อีก ยกเว้นมีการเก็บอสุจิแช่แข็ง (Sperm Cryopreservation) ก่อนเข้ารับการผ่าตัด

ความเสี่ยงที่ผิวหนังถุงอัณฑะหดตัว

  • หากทำออร์คิดเดกโตมีก่อนการผ่าตัดแปลงเพศสมบูรณ์ (Vaginoplasty) เป็นเวลานานเกิน 1–2 ปี ผิวหนังถุงอัณฑะอาจหดตัวและบางลง

  • สิ่งนี้อาจทำให้ไม่สามารถใช้ผิวหนังถุงอัณฑะในการทำ Vaginoplasty ได้ และอาจจำเป็นต้องเลือกใช้วิธีการที่ซับซ้อนกว่า เช่น Colon Vaginoplasty หรือ Peritoneal Vaginoplasty (PPV)

ผ่าตัดอัณฑะออกโดยไม่ทำช่องคลอด

ขั้นตอนการผ่าตัดโดยละเอียด

ที่โรงพยาบาล WIH International การผ่าตัดออร์คิดเดกโตมี (Orchidectomy) ดำเนินการด้วยเทคนิคที่พิถีพิถัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและเพื่อรักษาทางเลือกในการผ่าตัดอื่น ๆ ในอนาคต

การให้ยาสลบ

  • การผ่าตัดสามารถทำได้ภายใต้การดมยาสลบ (General Anesthesia) หรือการให้ยานอนหลับแบบ Twilight Sedation (ยากล่อมประสาททางหลอดเลือดดำร่วมกับยาชาเฉพาะที่)

  • ทีมวิสัญญีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัย ความสบาย และการฟื้นตัวที่ราบรื่นที่สุด

การเปิดแผลผ่าตัด (Incision)

  • ตำแหน่งแผลที่แนะนำคือกึ่งกลางของถุงอัณฑะ (Midline Scrotal Incision) ซึ่งช่วยให้เห็นโครงสร้างได้ชัดเจน ลดรอยแผลเป็นที่สังเกตได้ และยังคงสภาพเนื้อเยื่อรอบข้างไว้ได้อย่างเหมาะสม

การนำอัณฑะและสายอสุจิออก

  • ทำการเลาะแยกและผูกสายอสุจิ (Spermatic Cord) ให้ใกล้กับขอบด้านนอกของช่องขาหนีบมากที่สุด เพื่อลดโอกาสที่ร่างกายยังคงสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจนตกค้าง

องค์ประกอบของสายอสุจิ (Spermatic Cord Contents)

  • สายอสุจิประกอบด้วยท่อนำอสุจิ (Vas Deferens), หลอดเลือดอัณฑะ (Testicular Artery และ Pampiniform Plexus of Veins) รวมถึงเส้นประสาท

  • การเลาะทำอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต่อโครงสร้างรอบข้าง

การจัดการพยาธิสภาพที่พบร่วม (Concurrent Pathology Removal)

  • หากพบความผิดปกติ เช่น เส้นเลือดขอดในถุงอัณฑะ (Varicocele) หรือก้อนไขมันที่สายอสุจิ (Lipoma of the Cord) สามารถตัดออกได้ภายในการผ่าตัดเดียวกันอย่างปลอดภัย

การป้องกันอาการปวดเรื้อรัง (Pain Prevention)

  • ใช้เทคนิคการตัดด้วย Cautery (ไฟฟ้าจี้) เพื่อลดความเสี่ยงการเกิด Neuroma ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดประสาทเรื้อรังในอนาคต

การคงไว้ซึ่งผิวหนังถุงอัณฑะ (Scrotal Skin Preservation)

  • ในทุกกรณี ผิวหนังถุงอัณฑะจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างระมัดระวัง เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ในหัตถการเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศในอนาคต เช่น การทำ Skin-Graft Vaginoplasty

การดูแลหลังผ่าตัด (Post-operative Care)

  • หลังการผ่าตัดจะทำการพันผ้ากดบริเวณถุงอัณฑะทันที เพื่อลดการตกเลือดและป้องกันอาการบวมเป็นเวลานาน ช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น

การผ่าตัดอัณฑะออก (Orchidectomy) เทียบกับการตอนในประวัติศาสตร์ (Historical Castration)

ออร์คิดเดกโตมีในปัจจุบัน เป็นหัตถการที่ปลอดภัย ดำเนินการภายใต้หลักจริยธรรม และอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ โดยได้รับการรับรองจาก WPATH ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender-Affirming Care)

ตรงกันข้ามกับ การตอนในประวัติศาสตร์ของขันทีในจีนโบราณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดทั้งอัณฑะและองคชาตออก โดยไม่มีการใช้ยาชา ทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ภาวะแทรกซ้อนทางระบบปัสสาวะ และผลกระทบต่อฮอร์โมนตลอดชีวิต

ในขณะที่ขันทีในอดีตต้องทนทุกข์กับการถูกแยกออกจากสังคมและความรู้สึกเสียใจ การผ่าตัดออร์คิดเดกโตมีในปัจจุบันกลับมอบการบรรเทาภาวะ Gender Dysphoria ช่วยเสริมสุขภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ “วัตถุประสงค์ ความปลอดภัย และความยินยอมของผู้ป่วย” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของการแพทย์และสิทธิมนุษยชนที่ก้าวหน้าอย่างมากในปัจจุบัน

👉 อ่านเพิ่มเติมได้ใน บล็อกความรู้ของ WIH เกี่ยวกับการตอนในประวัติศาสตร์

สรุป

การผ่าตัดอัณฑะออกโดยไม่ทำช่องคลอด (Orchidectomy without Vaginoplasty) เป็นหัตถการที่ปลอดภัย และได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของการศัลยกรรมเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender-Affirming Surgery)

สำหรับผู้ป่วยบางราย การผ่าตัดนี้ถือเป็น ขั้นตอนสุดท้ายของการยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ ขณะที่ผู้ป่วยอีกบางรายมองว่าเป็น ขั้นตอนชั่วคราวก่อนการผ่าตัดแปลงเพศสมบูรณ์ (Full GAS) ในอนาคต

ที่โรงพยาบาล WIH International ภายใต้ความเชี่ยวชาญของ นพ.เชฏฐสัก การผ่าตัดทุกขั้นตอนดำเนินการตามมาตรฐาน WPATH SOC-8 เพื่อรับรองการดูแลที่ปลอดภัย มีจริยธรรม และสนับสนุนอัตลักษณ์ทางเพศของผู้ป่วยทุกคนอย่างแท้จริง

เหตุผลที่ควรเลือกโรงพยาบาล WIH International

  • นพ.เชฏฐสัก ตุลยาพานิช — ประสบการณ์กว่า 30 ปีด้านการผ่าตัดยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศแบบ MTF

  • เทคนิค NPI อันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมคงไว้ซึ่งความรู้สึก

  • สิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ที่ทันสมัย และการดูแลหลังผ่าตัดที่ครบวงจร

  • การให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย

ที่ WIH เราเชื่อว่าการผ่าตัดยืนยันอัตลักษณ์ทางเพศ ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ แต่คือการทำให้ร่างกายสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ และเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณเอง