ศัลยกรรมปรับรูปคาง

ศัลยกรรมปรับรูปคาง เหมาะกับ ?

• ผู้ที่มีคางขนาดใหญ่ ยาว หรือยื่นออกมามากเกินไปเมื่อเทียบกับสัดส่วนของใบหน้า

• มีความกังวลหรือไม่พอใจกับรูปลักษณ์ของคางตนเอง

• ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลมากยิ่งขึ้น

การปรึกษาและการเตรียมตัวก่อนการรักษา

การปรึกษาแบบเฉพาะบุคคล

การดูแลจะเริ่มต้นด้วยการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบบส่วนตัว ที่โรงพยาบาล WIH ในขั้นตอนนี้ คุณจะได้พูดคุยถึงปัญหา ความกังวล และความต้องการของคุณอย่างละเอียด แพทย์จะทำการประเมินโครงสร้างของคาง แนวกราม ลำคอ และใบหน้าโดยรวม เพื่อแนะนำแนวทางที่เหมาะสมและเทคนิคการรักษาที่เหมาะกับคุณมากที่สุด

ขั้นตอนการทำให้ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด

ชนิดของยาชาที่ใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะของการรักษา โดยส่วนใหญ่จะใช้ยาสลบในการผ่าตัดปรับรูปคาง แต่ในกรณีที่เป็นการปรับแก้เล็กน้อย อาจพิจารณาใช้ยาชาเฉพาะที่ร่วมกับยานอนหลับ

ทำความเข้าใจกระบวนการ: การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ และการเตรียมตัวล่วงหน้า

การดูแลก่อนเข้ารับบริการ

• คุณจะได้รับการประเมินสุขภาพอย่างครบถ้วน รวมถึงการตรวจเลือดและการตรวจวินิจฉัยอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสุขภาพของคุณพร้อมสำหรับการผ่าตัด
  ทีมวิสัญญีจะพูดคุยกับคุณเพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนและตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อความผ่อนคลายหรือการระงับความรู้สึก พร้อมวางแผนให้เหมาะสมที่สุดเพื่อความปลอดภัยและความสบายของคุณ
  พยาบาลจะให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับการงดน้ำและอาหาร, การปรับเปลี่ยนการใช้ยา (หากมี), และขั้นตอนการดูแลความสะอาดร่างกายก่อนวันผ่าตัด

การดูแลหลังเข้ารับบริการ

• ผู้เข้ารับบริการจะพักฟื้นที่โรงพยาบาล WIH อย่างน้อย 1 คืน เพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมพยาบาลที่มีประสบการณ์
  ทางโรงพยาบาลจะจัดยาที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาความรู้สึกไม่สบายหลังการผ่าตัด
  อาจมีอาการบวมและรอยช้ำบริเวณแนวกราม คาง และลำคอ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดยจะมีการประคบเย็นและสวมสายรัดพยุงคาง (หรืออุปกรณ์พยุงเฉพาะทาง) ทันทีหลังผ่าตัด เพื่อลดอาการเหล่านี้

คำแนะนำสำคัญ

ควรนอนหนุนศีรษะสูงตลอดเวลา (แม้ขณะนอนหลับ) อย่างน้อยหลายสัปดาห์ เพื่อช่วยลดอาการบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาหารควรอยู่ในรูปแบบเหลวหรือกึ่งเหลวในช่วงแรกของการฟื้นตัว เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของกระดูกคาง และสนับสนุนการสมานตัวอย่างเหมาะสม

ระยะเวลาพักฟื้นหลังการผ่าตัดปรับรูปคาง

• ช่วงสัปดาห์ที่ 1-2:
  จะมีอาการบวม รอยช้ำ และอาจรู้สึกชา หรือมีความรู้สึกเปลี่ยนแปลงบริเวณคางและริมฝีปากล่าง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ตามปกติ ความไม่สบายสามารถจัดการได้ด้วยยา อาหารควรเป็นอาหารอ่อนหรือง่ายต่อการเคี้ยว ผู้รับบริการส่วนใหญ่มักสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบา ๆ หรืองานที่ไม่ต้องใช้แรงภายใน 7-14 วัน
• ช่วงสัปดาห์ที่ 2-6:
  สามารถเริ่มกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้มากขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายเบา ๆ ได้ หากแพทย์เห็นว่าเหมาะสม
• ตั้งแต่เดือนที่ 6 เป็นต้นไป:
  แม้จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนภายในไม่กี่สัปดาห์แรก แต่ผลลัพธ์ที่ดูสมบูรณ์แบบและกลมกลืนที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่มีการปรับกระดูกหรือเนื้อเยื่อจำนวนมาก อาจใช้เวลาหลายเดือน (โดยทั่วไปประมาณ 3-6 เดือน หรือมากกว่านั้น) เพื่อให้อาการบวมยุบลงทั้งหมดและเนื้อเยื่อเข้าที่อย่างสมบูรณ์

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

• เลือดออกใต้ผิวหนัง (Hematoma)

• มีของเหลวสะสมใต้ผิวหนัง (Seroma)

• การติดเชื้อ

• แผลหายช้า หรือมีแผลเป็นที่อาจไม่เรียบเนียนตามที่คาดหวัง

• อาการปวด หรือไม่สบายที่คงอยู่เป็นเวลานาน

• อาการชา หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงของผิวหนัง (มักเป็นเพียงชั่วคราว แต่ในบางกรณีอาจคงอยู่ถาวร)

• ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (DVT) หรือเส้นเลือดอุดตันในปอด (PE) — เป็นภาวะที่พบได้น้อย แต่ถือว่าร้ายแรง

ข้อดีของการศัลยกรรมปรับรูปคาง

• ปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุล: ช่วยให้คางสัมพันธ์กับอวัยวะอื่นๆ บนใบหน้าอย่างเหมาะสม เช่น จมูก ริมฝีปาก และลำคอ

• ปรับรูปคางให้ดูละมุน: ลดขนาดหรือความยื่นของคางที่เด่นชัดเกินไป

• เพิ่มความคมชัดของแนวกราม: ช่วยให้แนวกรามและบริเวณใต้คางดูชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์

• ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ: ศัลยแพทย์ของเรามุ่งเน้นการปรับรูปที่ดูกลมกลืนกับโครงหน้าเดิม

• เสริมความมั่นใจ: เมื่อคุณรู้สึกดีขึ้นกับรูปลักษณ์ของตัวเอง ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)