ที่โรงพยาบาล WIH International Hospital การผ่าตัดนี้ทำโดย นพ.เชฏฐสัก ตุลยพานิช ซึ่งในอดีตเป็นที่รู้จักในนาม นพ.เชฏฐวุฒิ ท่านเป็นศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูงในด้านการผ่าตัดยืนยันเพศมานานกว่า 30 ปี และได้พัฒนาและปรับปรุงเทคนิคเฉพาะตัวที่เรียกว่า Dr. Chettasak’s NPI (Non-Penile Inversion) Technique ขึ้นมาครับ
การผ่าตัดสร้างช่องคลอดด้วยการปลูกถ่ายผิวหนังแบบ NPI ของ หมอเชฏ
การผ่าตัดนี้แตกต่างจาก เทคนิคการพลิกกลับอวัยวะเพศชายแบบดั้งเดิม (Penile Inversion Technique) ที่จะม้วนผิวหนังของอวัยวะเพศชายเข้าไปด้านในเพื่อสร้างช่องคลอด (ซึ่งมักจะทำให้ความลึกไม่เพียงพอ หรือผลลัพธ์ด้านความสวยงามไม่ดีในผู้ป่วยที่มีขนาดอวัยวะเพศเล็ก หรือเคยผ่านการขลิบมาก่อน) แต่ เทคนิค NPI ของ นพ.เชฏฐสัก จะสงวนผิวหนังส่วนอวัยวะเพศชายไว้เพื่อนำมาสร้างอวัยวะภายนอกที่ดูเป็นธรรมชาติและละเอียดอ่อน เช่น แคมเล็ก และช่องคลอดทางเข้า
การปลูกถ่ายผิวหนังเพื่อสร้างช่องคลอด
ในเทคนิคนี้จะใช้ผิวหนังจากถุงอัณฑะเพียงอย่างเดียว (Total Scrotal Skin Graft) ซึ่งจะถูกตัดและทำให้บางลงจนมีความหนาที่เหมาะสม (ประมาณ 0.3–0.45 มม.) เพื่อนำไปบุช่องคลอดใหม่ทั้งหมด
หากผิวหนังถุงอัณฑะไม่เพียงพอหลังจากออกแบบแคมนอก (แคมใหญ่) แล้ว นพ.เชฏฐสัก อาจเก็บผิวหนังเพิ่มเติมจากบริเวณขาหนีบ ซึ่งเป็นบริเวณที่ถูกเลือกแทนบริเวณอื่นที่อยู่ไกลออกไป เช่น หน้าท้องส่วนล่าง หรือต้นขาด้านใน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแผลเป็นขนาดใหญ่หรือมองเห็นได้ชัด
ขั้นตอนการผ่าตัด (1-7)
ขั้นตอนที่ 1: การสร้างช่องและโพรงช่องคลอด ช่องคลอดจะถูกสร้างขึ้นที่ตำแหน่งประมาณ 2-3 ซม. เหนือทวารหนัก จากนั้นจะค่อย ๆ เลาะเนื้อเยื่อไปตามผนังด้านหน้าของลำไส้ตรงเพื่อสร้างโพรงระหว่างลำไส้ตรงและระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเริ่มจากท่อปัสสาวะ ผ่านต่อมลูกหมาก ไปจนถึงกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งโพรงช่องคลอดจะถูกสร้างให้มีความลึกอย่างน้อย 6 นิ้ว แม้ในผู้ป่วยที่มีขนาดอวัยวะเพศเล็กหรือเคยผ่านการขลิบมาก่อนก็ตาม
ขั้นตอนที่ 2: การผ่าตัดเอาอัณฑะออกทั้งสองข้าง (Bilateral Orchiectomy) นำอัณฑะและสายรัดอัณฑะ (รวมถึงท่อนำอสุจิ) ออกให้ใกล้กับวงแหวนขาหนีบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีรูปทรงที่เรียบเนียนโดยไม่มีเศษเนื้อเยื่อที่คลำได้ในบริเวณขาหนีบ
ขั้นตอนที่ 3: การสร้างปุ่มคลิตอริส, ฮู้ดคลิตอริส และเส้นยึด ปุ่มคลิตอริสจะถูกตกแต่งให้มีขนาดเหมาะสมกับสรีระเพศหญิงและจัดตำแหน่งอย่างแม่นยำตามแกนของอวัยวะเพศหญิงส่วนนอก รวมถึงมีการสร้างฮู้ดคลิตอริสและเส้นยึดอย่างระมัดระวังเพื่อเพิ่มทั้งความสวยงามและความรู้สึก กิ่งก้านของเส้นประสาทรับความรู้สึกจากเส้นประสาทพิวเดนดัลจะถูกรักษาไว้และส่งเส้นประสาทไม่เพียงแค่ที่ปุ่มคลิตอริสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่ฮู้ดคลิตอริส, เส้นยึด และบริเวณที่ไวต่อความรู้สึกที่อยู่ใต้ปุ่มคลิตอริสด้วย ซึ่งวิธีการรักษาเส้นประสาทนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเทคนิค NPI ที่ช่วยรองรับความสามารถในการถึงจุดสุดยอดและสมรรถภาพทางเพศในระยะยาว
ขั้นตอนที่ 4: การตัดอวัยวะเพศชายและการทำให้ท่อปัสสาวะสั้นลง อวัยวะเพศชายจะถูกนำออกไป โดยยังคงรักษาผิวหนังส่วนนี้ไว้เพื่อนำไปใช้สร้างอวัยวะเพศภายนอกในภายหลัง และปรับตำแหน่งช่องเปิดของท่อปัสสาวะให้กลับมาอยู่เหนือช่องคลอดเล็กน้อยให้เหมือนกับสรีระเพศหญิงโดยกำเนิด นอกจากนี้ยังมีการนำเนื้อเยื่อฟองน้ำ (corpus spongiosum) รอบ ๆ ออกอย่างพิถีพิถันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดก้อนเนื้อเยื่อที่อาจบวมเมื่อถูกกระตุ้นทางเพศ ซึ่งจะทำให้ปากท่อปัสสาวะดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ
ขั้นตอนที่ 5: การสร้างแคมเล็กและช่องคลอดทางเข้า นพ.เชฏฐสักจะใช้หนังหุ้มปลายด้านในและผิวหนังอวัยวะเพศส่วนบนมาสร้างแคมเล็ก ให้มีรูปร่างที่ละเอียดอ่อนและมีสีชมพู และใช้ผิวหนังอวัยวะเพศส่วนล่างจัดแนวในแนวตั้งเพื่อสร้างช่องคลอดทางเข้าและแคมหลังให้มีลักษณะคล้ายตัว V
ขั้นตอนที่ 6: การสร้างแคมนอก (การสร้างแคมใหญ่ขึ้นใหม่) ผิวหนังถุงอัณฑะจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างระมัดระวัง โดยส่วนแรกจะถูกนำมาตกแต่งเพื่อสร้างแคมใหญ่ (แคมนอก) นพ.เชฏฐสักจะออกแบบบริเวณนี้อย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้รูปทรงที่ดูเป็นธรรมชาติและเต็มอิ่ม ซึ่งคล้ายกับรูปลักษณ์ของสรีระเพศหญิงโดยกำเนิด
ขั้นตอนที่ 7: การเตรียมเนื้อเยื่อปลูกถ่ายและสอดใส่เยื่อบุช่องคลอด ผิวหนังถุงอัณฑะส่วนที่สองจะถูกเตรียมให้เป็นแผ่นผิวหนังปลูกถ่ายที่มีความหนาปานกลาง ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 0.3–0.45 มม. ความหนานี้ช่วยรักษาชั้นหนังแท้ไว้ ทำให้เนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายแข็งแรงทนทานต่อการเสียดสี และไม่มีรูขุมขน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ขนจะงอกในช่องคลอดใหม่ หากตรวจพบเศษรากขนระหว่างการเตรียมเนื้อเยื่อปลูกถ่าย สามารถใช้มีดผ่าตัดขูดออกอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการงอกของขนในอนาคตได้ เนื้อเยื่อปลูกถ่ายที่เตรียมไว้จะถูกเย็บให้เป็นถุงคล้ายท่อรอบ ๆ แท่งทำโพรงช่องคลอดที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยให้ชั้นหนังแท้หันออกด้านนอก (เข้าหาโพรงช่องคลอด) จากนั้นแท่งทำโพรงช่องคลอดที่บุด้วยเนื้อเยื่อปลูกถ่ายนี้จะถูกสอดเข้าไปในโพรงช่องคลอดที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ และมีการใส่ผ้าก๊อซปลอดเชื้อเพื่อช่วย:
-
รักษาความกว้างและความลึกของโพรงช่องคลอด
-
ส่งเสริมให้เนื้อเยื่อปลูกถ่ายติดกับบริเวณแผลได้ดี อุปกรณ์พยุงภายในนี้จะคงอยู่จนกว่าเนื้อเยื่อปลูกถ่ายจะติดและมีการสร้างหลอดเลือดขึ้นใหม่ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างเหมาะสมและความทนทานในระยะยาวของเยื่อบุช่องคลอดใหม่
การเปรียบเทียบการผ่าตัดสร้างช่องคลอด
ข้อความนี้เปรียบเทียบการผ่าตัดสร้างช่องคลอดแบบใช้ผิวหนังปลูกถ่าย (Skin Graft Vaginoplasty) กับการผ่าตัดแบบใช้ลำไส้ใหญ่ (Colon Vaginoplasty) และแบบใช้เยื่อบุช่องท้อง (PPV หรือ Peritoneal Vaginoplasty)
-
Skin Graft Vaginoplasty (การใช้ผิวหนังปลูกถ่าย): เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและรุกล้ำร่างกายน้อยกว่าการผ่าตัดแบบใช้ลำไส้และแบบ PPV
-
Colon Vaginoplasty (การใช้ลำไส้ใหญ่): ข้อดีคือให้การหล่อลื่นตามธรรมชาติและอาจได้ความลึกมากกว่าเล็กน้อย แต่มีความเสี่ยงในการผ่าตัดที่สูงกว่าเพราะเป็นการผ่าตัดช่องท้อง
-
PPV (การใช้เยื่อบุช่องท้อง): หลีกเลี่ยงการใช้ลำไส้ แต่ต้องใช้วิธีส่องกล้อง (laparoscopy) และอาจได้ความลึกที่จำกัดในผู้ป่วยบางราย
โดยสรุปแล้ว การผ่าตัดด้วยเทคนิค Skin Graft โดยใช้ผิวหนังจากถุงอัณฑะทั้งหมด สามารถให้ความลึกของช่องคลอดที่เทียบเท่ากับแบบ PPV และเกือบเท่ากับแบบใช้ลำไส้ใหญ่ โดยที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดช่องท้อง และยังเป็นวิธีที่คุ้มค่ากว่า เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความสมดุลระหว่างความสวยงาม การใช้งาน และการฟื้นตัว
ช่องคลอดเทียมที่สร้างจาก Skin Graft ต่างจากช่องคลอดธรรมชาติอย่างไร?
ข้อควรระวังที่สำคัญเพื่อความสบายและความปลอดภัยในระยะยาว
ช่องคลอดเทียมที่สร้างขึ้นด้วยเทคนิค Skin Graft Vaginoplasty เช่นในวิธี NPI (Non-Penile Inversion) ของ นพ. เชฏฐสัก มีความแตกต่างจากช่องคลอดของผู้หญิงโดยกำเนิดในหลายประเด็นที่สำคัญ ดังนี้ครับ
1. ขาดการหล่อลื่นตามธรรมชาติ ผิวหนังที่นำมาปลูกถ่ายไม่มีต่อมที่สร้างเมือกเหมือนกับเยื่อบุช่องคลอดของผู้หญิงแท้ หรือเยื่อบุลำไส้ที่ใช้ในการผ่าตัดแบบ Colon Vaginoplasty ซึ่งหมายความว่าช่องคลอดเทียมที่สร้างจากผิวหนังปลูกถ่ายไม่สามารถหล่อลื่นได้เอง
คำแนะนำ: ควรใช้เจลหล่อลื่นชนิดน้ำในปริมาณมากทุกครั้งที่ทำการขยายช่องคลอดหรือมีเพศสัมพันธ์
2. เนื้อเยื่อบางและบอบบางกว่า ผิวหนังที่นำมาปลูกถ่ายจะถูกตัดให้มีความหนาเพียง 0.3–0.45 มม. เพื่อป้องกันไม่ให้มีรูขุมขนปะปนมาด้วย ทำให้เนื้อเยื่อส่วนนี้บางและบอบบางกว่าผิวหนังปกติ และมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสียหายจากการเสียดสีได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงปีแรกหลังการผ่าตัด
3. บริเวณที่มักเกิดการบาดเจ็บจากการเสียดสี บริเวณ 2-3 นิ้วแรกจากปากช่องคลอดเป็นส่วนที่บอบบางที่สุด หากไม่มีการหล่อลื่นที่เพียงพอ บริเวณนี้อาจเกิดรอยถลอก, เนื้อเยื่อแผลเปื่อย หรือเนื้อเยื่อพังผืดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงการขยายช่องคลอดหรือการมีเพศสัมพันธ์ครับ
แนวทางการใช้สารหล่อลื่นสำหรับช่องคลอดที่สร้างใหม่ (Skin Graft Neovagina)
เพื่อรักษาสุขภาพ การใช้งาน และความสบายของช่องคลอดที่สร้างขึ้นใหม่:
-
ใช้สารหล่อลื่นที่ทำจากน้ำเสมอ: ควรเน้นทาเคลือบที่ปากช่องคลอดและส่วนที่ลึกเข้าไปสองสามนิ้วแรก
-
ช่วง 3 เดือนแรกหลังผ่าตัด: เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรใช้นิ้วมือในการสอดสารหล่อลื่นเข้าไปในช่องคลอด เพราะนิ้วมือช่วยให้ควบคุมทิศทางและแรงกดได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บต่อผิวหนังที่ปลูกถ่าย
-
หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ช่วยสอด (gel applicators): ยกเว้นในกรณีที่ศัลยแพทย์แนะนำเป็นพิเศษ เนื่องจากหากใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือระคายเคืองต่อผิวหนังที่ปลูกถ่ายได้
FAQ
จากการวิเคราะห์เนื้อหาที่คุณให้มา ผมสรุปได้ว่า เทคนิคของ นพ. เชฏฐสักไม่ได้อาศัยผิวหนังจากองคชาตในการสร้างความลึกของช่องคลอด ดังนั้น การที่เคยผ่านการขริบมาก่อนจึงไม่มีผลกระทบต่อการผ่าตัดนี้ครับ
เนื้อหาที่ให้มายังระบุด้วยว่า ผิวหนังจากถุงอัณฑะสามารถนำมาใช้สร้างความลึกของช่องคลอดได้อย่างเพียงพอ
ข้อมูลที่คุณให้มานี้ยืนยันว่าการผ่าตัดแบบ Skin Graft นั้นดีกว่า Colon Vaginoplasty ในแง่ของความปลอดภัยและการฟื้นตัวครับ
ตามที่คุณระบุไว้ การผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้ หลีกเลี่ยงการผ่าตัดช่องท้องและไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับลำไส้ ซึ่งส่งผลให้ การฟื้นตัวเร็วขึ้นและปลอดภัยกว่า
ตามที่คุณได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมมา การที่ช่องคลอดที่สร้างขึ้นใหม่จะไม่มีขนนั้น เป็นเพราะผิวหนังที่นำมาปลูกถ่ายจะถูกเล็มอย่างแม่นยำเพื่อกำจัดรูขุมขนออก และจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนนำไปปลูกถ่ายครับ
เนื้อหาที่คุณให้มาเป็นการอธิบายผลกระทบของความหนาของผิวหนังที่ปลูกถ่ายครับ ผมสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้:
-
ถ้าผิวหนังที่ปลูกถ่ายบางกว่า 0.3 มม. จะมีแนวโน้มที่จะหดตัวได้ง่าย ทนทานต่อการเสียดสีได้น้อย และอาจฉีกขาดได้ง่าย
-
ถ้าผิวหนังที่ปลูกถ่ายมีความหนาเต็มที่ (full-thickness) จะยึดติดได้ยาก มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียผิวหนังที่ปลูกถ่าย และอาจมีรูขุมขนปะปนอยู่ ซึ่งจะนำไปสู่การเจริญเติบโตของเส้นขนที่ไม่พึงประสงค์ได้
กระบวนการที่ผิวหนังที่ปลูกถ่ายจะยึดติดกับร่างกายนั้นแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักครับ:
-
การดูดซึมพลาสมา (Plasma Imbibition): ในช่วงวันที่ 1-2 ผิวหนังที่ปลูกถ่ายจะดูดซึมพลาสมาจากบริเวณแผล
-
การสร้างและเชื่อมต่อเส้นเลือดใหม่ (Inosculation & Microvascularization): ในช่วงวันที่ 3-5 เส้นเลือดใหม่เริ่มเชื่อมต่อกับผิวหนังที่ปลูกถ่าย
-
การสร้างเส้นเลือดสมบูรณ์ (Full Revascularization): ในช่วงวันที่ 5-7 ผิวหนังที่ปลูกถ่ายจะยึดติดกับร่างกายอย่างสมบูรณ์
เมื่อถึงวันที่ 6-7 สามารถนำผ้าก๊อซออกได้และสามารถเริ่มการขยายช่องคลอด (“การฝึกใช้แท่งขยาย”) ได้อย่างปลอดภัย
