ศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเป็นชาย (FMS) ที่ โรงพยาบาล WIH

โรงพยาบาล WIH มุ่งมั่นให้บริการดูแลแบบเฉพาะทางด้วยความเข้าใจและห่วงใย สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเป็นชาย (FMS) เราเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรับรูปลักษณ์ภายนอกให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศที่แท้จริง

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเป็นชาย (FMS)

ศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเป็นชาย คือการผ่าตัดแบบครอบคลุมเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้าให้มีลักษณะความเป็นชายมากขึ้น ช่วยลดความรู้สึกไม่สอดคล้องทางเพศ (Gender Dysphoria) และเพิ่มความมั่นใจให้กับชายข้ามเพศและบุคคลที่มีอัตลักษณ์แบบชาย

ประเภทของการศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเป็นชาย

การปรับหน้าผากและเพิ่มโหนกคิ้ว

  • เสริมโหนกคิ้ว: เพิ่มกระดูกบริเวณเหนือคิ้วให้เด่นชัดมากขึ้น โดยใช้กระดูกเทียมหรือการเสริมด้วยวัสดุเทียม

  • การยืดหน้าผาก: เพิ่มระยะห่างระหว่างไรผมกับคิ้ว เพื่อให้หน้าผากกว้างและแบนมากขึ้น

การทำจมูกให้มีลักษณะเป็นชาย (Masculinizing Rhinoplasty)

  • การปรับทรงจมูกให้ดูตรง กว้าง หรือเด่นชัดขึ้น รวมถึงการตกแต่งปลายจมูกให้เป็นทรงแข็งแรง เป็นมุมชัดเจนตามลักษณะจมูกชาย

การเสริมโหนกแก้ม

  • สริมโหนกแก้มให้ชัดขึ้น ด้วยการใช้ซิลิโคนหรือไขมัน เพื่อให้ใบหน้าดูมีมุมเด่นและคมชัดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บริเวณกลางใบหน้าดูมีมุมและเด่นชัด

การปรับและเสริมแนวกราม

  • เสริมมุมกราม: ปรับมุมกรามล่างให้กว้างขึ้นหรือเป็นมุมเด่นชัดด้วยการเสริมวัสดุหรือการกรอกระดูก

  • ลดกล้ามเนื้อกราม (ถ้าจำเป็น): สำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามใหญ่เกินไป อาจมีการลดขนาดเพื่อความสมดุล

การเสริมคาง (Genioplasty)

  • เสริมคางด้วยซิลิโคนหรือการเคลื่อนกระดูกคาง เพื่อให้คางดูเด่นและสมชาย

การเสริมลูกกระเดือก (Adam’s Apple)

  • เพิ่มความเด่นของลูกกระเดือกด้วยซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนที่ผ่านการขึ้นรูป เพื่อให้คอดูเป็นชายชัดเจน

ใครบ้างที่เหมาะสมสำหรับการทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเป็นชาย

  • เป็นชายข้ามเพศ หรือบุคคลที่มีอัตลักษณ์เป็นชาย

  • มีภาวะ Gender Dysphoria

  • อายุ 18 ปีขึ้นไป

  • มีสุขภาพทั่วไปดี

  • อย่างไรก็ตาม ควรเป็นผู้ที่มีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล เพราะการปรับใบหน้าให้ดูมีความเป็นชาย มักขึ้นอยู่กับใบหน้าพื้นฐานของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน

การปรึกษาศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาล WIH

  • คนไข้จะได้พูดคุยกับศัลยแพทย์โดยละเอียดเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ต้องการ
  • ศัลยแพทย์จะตรวจประเมินโครงสร้างใบหน้า เนื้อเยื่อ และแนวไรผม เพื่อวางแผนการผ่าตัดอย่างเหมาะสม
  • การผ่าตัดจะทำภายใต้การดมยาสลบ

การดูแลก่อนและหลังผ่าตัด

การดูแลก่อนผ่าตัด

  • หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมที่ระบุ

  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำในการงดน้ำงดอาหารอย่างเคร่งครัด

การดูแลหลังผ่าตัด

  • ทีมพยาบาลจะดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องพักฟื้น

  • จะมีการพันผ้าหรือใส่ผ้ารัด และอาจมีสายระบายน้ำเหลืองชั่วคราว

  • แพทย์จะให้ยาแก้ปวดและนัดติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ

ระยะเวลาการฟื้นตัว

  • สัปดาห์ที่ 1: เอาสายระบายออก และแผลเริ่มสมาน

  • สัปดาห์ที่ 2–3: กลับไปทำกิจวัตรประจำวันและงานเบาได้

  • เดือนที่ 1–3: เริ่มออกกำลังกายเบา ๆ ได้

  • เดือนที่ 6–12: เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

  • การติดเชื้อ

  • เลือดออก/เลือดคั่ง

  • แผลเป็น

  • ชาบริเวณผ่าตัด

  • แผลหายช้า

ข้อดีของศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าให้ดูเป็นชาย

  • เพิ่มความมั่นใจในภาพลักษณ์ของตนเอง

  • ลดความรู้สึกไม่สอดคล้องทางเพศ (Gender Dysphoria)

  • เพิ่มความมั่นใจในสังคม

  • รับรู้ตนเองชัดเจนขึ้น

  • ผลลัพธ์ถาวร

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ศัลยกรรมใบหน้าโดยทั่วไปไม่ส่งผลต่อเสียง แต่หากมีการเสริมลูกกระเดือก อาจมีผลต่อเสียงสะท้อนเล็กน้อยในระยะแรกของการฟื้นตัว แต่ไม่กระทบต่อระดับเสียง

ศัลยแพทย์ของเราจะวางแนวแผลในตำแหน่งที่มองเห็นได้น้อย เช่น บริเวณไรผม ช่องปาก หรือรอยพับผิวหนัง

โดยทั่วไปสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมเบา ๆ ได้ใน 2–4 สัปดาห์ กิจกรรมที่หนักหรือมีแรงกระแทกควรงด 6–12 สัปดาห์

แนะนำให้นอนยกศีรษะสูงประมาณ 2–3 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวม