คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการรักษาผมด้วย PRP

มั่นใจ เป็นมิตร และให้ความรู้ ที่โรงพยาบาล WIH International ในกรุงเทพฯ เราเข้าใจดีว่าการผมร่วงสามารถส่งผลต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก ในฐานะศูนย์ชั้นนำด้านสุขภาพและความงาม เราภูมิใจเสนอวิธีแก้ปัญหาล้ำสมัยที่มีงานวิจัยรองรับเพื่อช่วยคุณฟื้นฟูผมให้หนาเต็มขึ้น หนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมสูงคือการบำบัดด้วย PRP (Platelet-Rich Plasma) คู่มือนี้จะอธิบายอย่างละเอียดว่าการรักษาผมด้วย PRP สามารถช่วยคุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร

 
 

การรักษาผมด้วย PRP คืออะไร?

 

การรักษาผมด้วย PRP เป็นขั้นตอนล้ำสมัยแบบไม่ผ่าตัด ที่ใช้คุณสมบัติการรักษาของเลือดคุณเองเพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม กระบวนการนี้เริ่มจากการเจาะเลือดจำนวนเล็กน้อยและนำไปแยกเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet-Rich Plasma) ซึ่งเต็มไปด้วยปัจจัยการเจริญเติบโต โปรตีนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

เมื่อฉีดกลับเข้าสู่หนังศีรษะ PRP จะกระตุ้นรากผมที่หยุดทำงานและส่งเสริมการงอกของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและสุขภาพดี

วิธีนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะใช้ศักยภาพธรรมชาติของร่างกายในการฟื้นฟู จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผมบางหรือผมร่วง

ใครเหมาะกับการรักษาผมด้วย PRP?

การรักษาผมด้วย PRP ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาผมร่วงสำหรับทุกคน แต่เหมาะอย่างยิ่งกับหลายกลุ่ม ผู้ที่เหมาะสมที่สุดได้แก่:

✅ ผู้ที่เริ่มมีอาการผมร่วงในระยะแรก
✅ ผู้ป่วยที่มีภาวะผมร่วงพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia)
✅ ผู้ที่ผมบาง ไม่ใช่ศีรษะล้านทั้งหมด
✅ ผู้ที่ต้องการวิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัดและเป็นธรรมชาติ

 
 

การรักษาผมร่วงด้วย PRP ทำงานอย่างไร?

การรักษาผมด้วย PRP อาศัยหลักการกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดและเซลล์อื่น ๆ ในรากผม

กระตุ้นรากผมที่หลับอยู่: ปัจจัยการเจริญเติบโตใน PRP จะช่วยยืดระยะการเจริญของรอบผมและส่งสัญญาณให้รากผมที่อยู่เฉย ๆ กลับมาทำงานอีกครั้ง

เพิ่มการไหลเวียนเลือด: PRP ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังหนังศีรษะ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม

เสริมความแข็งแรงของเส้นผมเดิม: การรักษาช่วยให้เส้นผมที่มีอยู่หนาขึ้นและแข็งแรงขึ้น ทำให้ผมดูเต็มและมีสุขภาพดี

วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มมีผมร่วงหรือผมบางในระยะแรก ทำให้เป็นการรักษาที่ทั้งป้องกันและฟื้นฟูผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเก็บ PRP

ความสำเร็จของการรักษาผมด้วย PRP ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ได้ การเก็บ PRP ปลอดเชื้อและปลอดภัย ทำในคลินิกของ WIH Hospital

  1. เจาะเลือด: เจาะเลือดปริมาณเล็กน้อย (30-60 มล.) จากแขน โดยพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ

  2. ปั่นแยกชั้นเลือด: ใส่เลือดในเครื่องปั่นเฉพาะทาง เครื่องจะหมุนด้วยความเร็วสูง แยกชั้นเลือดตามความหนาแน่น

  3. แยกเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP): หลังจากปั่นจะได้สามชั้น: เม็ดเลือดแดง, พลาสม่าเกล็ดเลือดต่ำ, และ PRP เข้มข้น ชั้น PRP จะถูกดึงออกอย่างระมัดระวังเพื่อนำไปใช้

PRP เข้มข้นนี้คือ “ยาเวชสำคัญ” ที่มีปัจจัยการเจริญเติบโตสูง ถูกฉีดตรงสู่รากผมเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตอย่างเต็มประสิทธิภาพ

 
 

กระบวนการรักษาผมด้วย PRP: ก่อน ระหว่าง และหลังการรักษา

การรักษาผมด้วย PRP ที่ WIH International Hospital ถูกออกแบบมาให้สะดวกสบายและโปร่งใส นี่คือขั้นตอนโดยละเอียดที่คุณควรทราบ

ก่อนการรักษา

เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแบบละเอียด ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเส้นผมที่ได้รับการรับรองจากบอร์ด จะตรวจสอบหนังศีรษะของคุณ ประวัติทางการแพทย์ และประเมินว่าการรักษาผมด้วย PRP เหมาะสมกับคุณหรือไม่ พร้อมตั้งความคาดหวังและตอบคำถามทั้งหมด

ระหว่างการรักษา

  1. เจาะเลือด: เจาะเลือดปริมาณเล็กน้อยจากแขน (ประมาณการตรวจเลือดทั่วไป)

  2. เตรียม PRP: ใส่เลือดในเครื่องปั่นเฉพาะทาง เครื่องจะหมุนด้วยความเร็วสูงเพื่อแยกชั้นเลือดและได้ PRP เข้มข้น

  3. ฉีด PRP เข้าหนังศีรษะ: PRP เข้มข้นถูกฉีดอย่างแม่นยำลงในบริเวณที่ผมบางหรือหลุดร่วงมากที่สุด ใช้เข็มเล็กเพื่อให้แม่นยำและลดความไม่สบาย

หลังการรักษา

หลังทำคุณสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เกือบปกติ อาจมีอาการบวมเล็กน้อย แดง หรือรู้สึกตึงบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งมักหายภายใน 1-2 วัน ทีมงานจะให้คำแนะนำการดูแลหลังการรักษาอย่างละเอียดเพื่อให้ฟื้นตัวอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

คำแนะนำหลังการทำ PRP ผม

การดูแลตัวเองหลังการทำ PRP ผมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้ฟื้นตัวอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

  1. งดสระผมหรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งผม: อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการรักษา เพื่อให้ปัจจัยการเจริญเติบโต (growth factors) ซึมซับเข้าสู่หนังศีรษะเต็มที่

  2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก: ใน 24–48 ชั่วโมงแรก ควรงดออกกำลังกายหนัก เข้าซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก

  3. การใช้ยา: แนะนำให้หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบบางชนิด เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ Aleve เป็นเวลาไม่กี่วัน เพราะอาจรบกวนกระบวนการฟื้นฟู ยาพาราเซตามอล (Tylenol) มักปลอดภัยสำหรับอาการไม่สบายเล็กน้อย

  4. ป้องกันแสงแดด: ป้องกันหนังศีรษะจากแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง สวมหมวกหากต้องอยู่กลางแจ้ง

  5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและส่งเสริมการไหลเวียนเลือดที่ดีต่อสุขภาพผม

FAQ

เราใช้ยาชาเฉพาะที่บนหนังศีรษะก่อนฉีด ทำให้ขั้นตอนการทำสามารถทนได้ง่าย ผู้ป่วยส่วนใหญ่รายงานว่า รู้สึกเพียงแรงกดเล็กน้อยหรือการเจ็บจี๊ดสั้น ๆ เท่านั้น

โดยปกติเราจะแนะนำให้ทำประมาณ 3–4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 4–6 สัปดาห์ หลังจากนั้นอาจทำการบำรุงรักษาทุก 6–12 เดือน ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไป แต่ผู้ป่วยหลายรายเริ่มสังเกตเห็นการหลุดร่วงของเส้นผมลดลงและความหนาของผมดีขึ้นหลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน

ผลลัพธ์จากการทำ PRP รักษาผมร่วงอยู่ได้นาน แต่ไม่ถาวร จำเป็นต้องทำการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลลัพธ์และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมต่อเนื่อง

เนื่องจากการทำ PRP ใช้เลือดของตัวเอง ความเสี่ยงต่อการแพ้จึงต่ำมาก ผลข้างเคียงที่พบบ่อยมักเป็นเพียงอาการเล็กน้อยและชั่วคราว เช่น อาการเจ็บ ปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายไปภายใน 1–2 วัน